วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขนมไทยประยุกต์

                                                       บัวลอยไข่หวาน



ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว
50
กรัม
น้ำเปล่า (สำหรับผสมตัวแป้ง)
1
ช้อนโต๊ะ
น้ำคั้นใบเตย
1
ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย
250
กรัม
น้ำเปล่า
1
ถ้วยตวง
หัวกะทิคั้นข้นๆ
1/2
ถ้วยตวง
เกลือป่น
1/4
ถ้วยตวง
ไข่ไก่
3
ฟอง

วิธีทำ
1. ผสมน้ำเปล่ากับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ใส่กระทะตั้งไฟพอเดือด จนส่วนผสมเป็นน้ำเชื่อมข้นๆ เบาไฟอ่อนๆ รอจนน้ำเชื่อมเป็นยางมะตูมอ่อนๆ เบาไฟอ่อน
2. ผสมแป้งข้าวเหนีว 25 กรัมกับน้ำเปล่า และผสมแป้งที่เหลือกับน้ำคั้นใบเตย นวดจนเนียน ปั้นเป็นเม็ดกลมเล็ก ใส่ก้อนแป้งลงต้มจนแป้งสุกใสและลอยขึ้น ตอกไข่ไก่ลงไปต้มในน้ำเชื่อม จนไข่สุกลอยขึ้น
3. ตั้งกะทิให้เดือด ใส่เกลือป่นคนจนละลาย4. ตักบัวลอยใส่ถ้วย ตักน้ำกะทิราดข้างบน จัดเสิร์ฟถ้าอยากมีลูกบัวลอยสีอื่นๆก็ใช้น้ำคั้นจากผัก




ส่วนผสม
สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวงลูกแปะก๊วยต้มพอสุก 1/2 ถ้วยตวงน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงน้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1. นำสาคูไปเลือกเอาผงออก สงให้สะเด็ดน้ำ แล้วพักไว้2. ต้มแปะก๊วยให้พอสุกนิ่ม พักไว้3. ผสมน้ำตาลทราย กับน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง ตั้งไฟให้เดือด ยกลงกรอง ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวสักครู่ ใส่แปะก๊วย พอเดือดสักครู่ ยกลง4. ต้มน้ำเปล่าที่เหลืออีก 2 ถ้วยตวง จนเดือด เทสาคูลง คนให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ จนสาคูสุกและใส5. ใส่แปะก๊วยที่เชื่อมไว้ ลงไปพร้อมน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน6. ถ้าไม่หวานพอให้ใช้น้ำตาล ทำเป็นน้ำเชื่อมเติม ถ้าสาคูข้นขึ้น ให้เติมน้ำร้อนลงไป เพราะเวลาที่สาคูเย็น จะแห้งและข้นขึ้น


                                                               หยกมณี



ส่วนผสม
สาคูเม็ดเล็ก
1
ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว
2
ถ้วย
เกลือป่น
1/2
ช้อนชา
น้ำตาลทราย
1 1/2
ถ้วย
แป้งมัน
3
ช้อนโต๊ะ
น้ำ
2
ถ้วย
น้ำใบเตยข้นๆ
1/2
ถ้วย
วิธีทำ
1. ล้างสาคูให้หมดเศษผง ใส่ชามพักไว้2. เคล้ามะพร้าวขูดกับเกลือเข้าด้วยกัน นึ่งพอร้อน พักไว้สำหรับโรยหน้า3. ต้มน้ำให้เดือด เทใส่ชามสาคู ใส่น้ำตาล แป้งมัน คนให้เข้ากัน ใส่น้ำใบเตย คนให้ทั่วอีกครั้ง4. ตักใส่ถ้วยอะลูมินั่มฟอยล์ เรียงใส่ลังถึง นึ่งในน้ำเดือดไฟแรง ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้
 
                                                
                                                     ลูกชุบ
 ส่วนผสม
ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 1/3 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
วุ้นผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
แช่ถั่วเขียวประมาณ 1-2 ชั่วโมง นึ่งให้สุกนุ่ม แล้วบดให้ละเอียด
หัวกะทิตั้งไฟอ่อนๆ ใส่นำตาลทรายลงเคี่ยวให้นำตาลละลายหมด ใส่ถั่วลงกวนกับกะทิตั้งไฟอ่อนๆ กวนให้แห้งจนถั่วล่อนออกจากกระทะ
เทถั่วที่กวนได้ที่แล้วลงในถาดหรือชามพักไว้ให้เย็น
ปั้นถั่วเป็นรูปผลไม้เล็กๆ ตามต้องการ แล้วระบายสีผลไม้ที่ปั้นไว้ให้เหมือนจริงพักไว้ให้สีแห้ง
ผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่าใส่หม้อตั้งไฟอ่อนๆ จนวุ้นละลายหมดยกลง วางพักไว้สักครู่
นำผลไม้ที่ระบายสีไว้ ชุบวุ้นให้ทั่ว พักไว้ให้แห้งแล้วชุบอีก 2 ครั้ง ปล่อยให้แห้งจึงนำไปตกแต่งให้


                                 
                                                 สาคูเปียกลูกแปะก้วย

ขนมมงคล 9 อย่าง

         



 "ขนมมงคล" หมายถึง ขนมไทยที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน ถวายพระ เลี้ยงแขก ในงานพิธีมงคลต่างๆ เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น โดยจะต้องเลือกใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะและเป็นสิริมงคล ดังเช่น "ขนมมงคล 9 อย่าง" ที่จะกล่าวต่อไปนี้


ทองหยิบ เป็นขนมมงคลชนิดหนึ่ง มีลักษณะงดงามคล้ายดอกไม้สีทอง ต้องใช้ความสามารถและความพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการประดิษฐ์ประดอยจับกลีบให้มีความงดงาม เหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อขนมทองหยิบเป็นชื่อสิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบพิธีมงคลต่างๆ หรือให้เป็นของขวัญแก่ใครแล้ว จะทำให้เกิดความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับการงานสิ่งใดก็จะร่ำรวยมีเงินมีทอง สมดังชื่อใช้ประกอบในพิธีมงคลทั้งหลาย หรือมอบเป็นของขวัญในโอกาสสำคัญๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารพรักหรือญาติสนิทมิตรสหาย แทนคำอวยพรให้ร่ำรวยมีเงินมีทองใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ประดุจให้ทองคำ 

                                                                 
 ฝอยทอง มีลักษณะเป็นเส้น นิยมใช้กันในงานมงคลสมรส ถือเคล็ดกันว่าห้ามตัดขนมให้สั้น ต้องปล่อยให้เป็นเส้นยาวๆ เพื่อที่คู่บ่าวสาวจะได้ครองชีวิตคู่และรักกันได้อย่างยืนยาวตลอดไป






 

ขนมทองเอก เป็นขนมในตระกูลทองอีกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ความพิถีพิถ ันเป็นอย่างยิ่งในทุกขั้นตอนการทำ มีลักษณะที่สง่างามโดดเด่นกว่าขนมตระกูลทองชนิดอื่นๆ ตรงที่มีทองคำเปลวติดไว้ที่ด้านบนของขนม คำว่า "เอก" หมายความถึง การเป็นที่หนึ่ง การใช้ขนมทองเอกประกอบพิธีมงคลสำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็นของขวัญในงานฉลองการเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จึงเปรียบเสมือนคำอวยพรให้เป็นที่หนึ่งด้วย





“เม็ดขนุน” มีสีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ข้างในมีไส้ทำด้วยถั่วเขียวบด มีความเชื่อกันว่า ชื่อของขนมเม็ดขนุนจะเป็นสิริมงคล ช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนเนื่อง ในการดำเนินชีวิตและในหน้าที่การงานหรือกิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่







ทองหยอดเป็นขนมไทยที่ถือเป็นขนมมงคล และจะต้องหยอดขนมชั้นให้ได้ 9 ชั้น เพราะคนไทยมีความเชื่อว่าเลข 9 เป็นเลขสิริมงคล หมายถึงความเจริญก้าวหน้า








จ่ามงกุฏ” เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึง การเป็นหัวหน้าสูงสุด แสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดีและอวยพรให้มีความก้าวหน้าในหน้าที่การ งานยิ่งๆ ขึ้นไป



ถ้วยฟู” ชื่อของขนมถ้วยฟูให้ความหมายอันเป็นสิริมงคล หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู นิยมใช้ประกอบในพิธีมงคลต่างๆ ทุกงาน เคล็ดลับของการทำขนมถ้วยให้มีกลิ่นหอมน่ารับประทานนั้น คือการใช้น้ำดอกไม้สดเป็นส่วนผสม และการอบร่ำด้วยดอกมะลิสดในขั้นตอนสุดท้ายของการทำ




"เสน่ห์จันทน์" เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง มีผลสุกสีเหลืองเปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล คนโบราณจึงนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์มาประยุกต์ทำเป็นขนม และได้นำ "ผลจันทน์ป่น" มาเป็นส่วนผสม ทำให้มีกลิ่นหอมเหมือนผลจันทน์ ให้ชื่อว่า "ขนมเสน่ห์จันทน์" โดยเชื่อว่า คำว่าเสน่ห์จันทน์เป็นคำที่มีสิริมงคล จะทำให้มีเสน่ห์คนรักคนหลงดังเสน่ห์ของผลจันทน์ ขนมเสน่ห์จันทน์จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส